Oilza!!


วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

oil

http://picasaweb.google.com/waraporn0081/Blogger?feat=directlink

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กาฬโรคปอด"

ข่าวด่วน กาฬโรคปอด


ข่าว กาฬโรคปอดบวม

หลังมีข่าวประเทศจีนสั่งปิดเมืองจื่อเคอ ทันและพื้นที่โดยรอบมณฑลชิงไห่ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของจีน หลังพบผู้เสียชีวิต 2 รายจากการป่วยเป็น กาฬโรคปอดบวม ภาษาหมอก็ไม่พลาดที่จะนำลักษณะอาการและความหมายของ กาฬโรคปอดบวม มาเล่าสู่กันฟัง
ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า กาฬโรคปอดบวม หรือ Pneumonic Plague จัดเป็นโรคระบาดร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งที่สามารถคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อได้ภาย ใน 24 ชั่วโมง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สามารถแพร่เชื้อได้ในอากาศและติดต่อจากคนสู่คนผ่าน การไอจาม เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่ก่อให้เกิดกาฬโรคที่มีอาการต่อมน้ำเหลือง บวมและอักเสบ หรือ Bubonic Plague ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนในทวีปยุโรปมาแล้วประมาณ 25 ล้านคนจากการระบาดในสมัยยุคกลาง

ขณะที่ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้ อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไปของไทย ระบุว่า กาฬโรคปอด สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระต่าย กระรอก โดยมีหมัดหนูเป็นพาหะแพร่เชื้อแบคทีเรียสู่คน มีระยะฟักตัวของของโรคประมาณ 7 วัน จากนั้นเชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิตไปสู่ปอดและอาจทำให้เสียชีวิตทันที

อาการ ของโรคเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ในรายที่ต่อมน้ำเหลืองโตและปวดมาก อาการนี้เรียกว่า Bubonic Plague ผิวหนังบริเวณต่อมน้ำเหลืองจะบวมแดง อาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ระยะต่อมาเชื้อจะแพร่กระจายไปตามกระแสโลหิต เข้าสู่ปอด ตับ ม้าม บางรายไปยังเยื้อหุ้มสมอง เกิดภาวะเชื้อเข้ากระแสโลหิตรุนแรง จะเกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตในที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว

วิธีป้องกัน ทำได้ไม่ยาก เบื้องต้นกำจัดแหล่งขยะมูลฝอยที่เป็นแหล่งสะสมของ ‘หนู’ แล้วฉีดพ่นยาฆ่าแมลงประจำบ้านบริเวณดังกล่าว เพื่อทำลายหมัดหนูที่หลงเหลืออยู่ เท่านี้ก็ไกลโรคแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

ติดตามเพิ่มเติมที่เว็บเจ้าของข้อมูล โปรดคลิ๊ก ไปที่ลิ๊งค์



วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คณะพยาบาลศาสตร์ มมส

 ปรัชญา พยาบาลพึงเป็นผู้มีความรู้ คุ่คุณธรรม เป็นผู้นำในการสร้างเสริมสุขภาพ

ปณิธาน
เป็นสถาบันที่ผลิตบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์ทุกระดับปริญญาให้มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ส่งเสริมการ วิจัย เผยแพร่องค์ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมด้านการพยาบาล การให้บริการวิชาการด้านสุขภาพ มุ่งมั่น พัฒนาบุคลากรในการสั่งสม เสาะแสวงหาความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยผสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับวิทยาการที่เป็นสากล


พันธกิจ
1. ผลิตพยาบาลที่มีคุณภาพและมีความเป็นผู้นำ 2. พัฒนาองค์ความรู้ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมทางด้านสุขภาพ 3. สร้างเสริมสุขภาพและความเข้มแข็งของชุมชน 4. สืบสานภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย

วิสัยทัศน์
เป็นสถาบันการศึกษาพยาบาลชั้นนำแห่งคุณภาพ คุณธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสุขภาพชุมชน


น่ารักๆๆ

oilza

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อาหารแก้โรคอ้วน นำขบวนด้วยสเต๊ก ไข่ แอปเปิ้ลและโยเกิร์ต

อาหารแก้โรคอ้วน นำขบวนด้วยสเต๊ก ไข่ แอปเปิ้ลและโยเกิร์ต
หลัง พบว่า โปรตีนจากเนื้อจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อต่างๆ ขณะที่ ไข่ขาวและไข่แดง กินได้ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และ แอปเปิ้บยังช่วยให้อิ่มนาน เพราะมีกากใยถึง 4-5 กรัมต่อลูก...

เปิดเผยพวกยอด อาหาร จากการศึกษาพบว่า ซึ่งนอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังช่วยให้น้ำหนักลดลงด้วยมันอาจจะก่อความผิดคาดขึ้นบ้าง เมื่อยอดอาหารนำขบวนโดยสเต๊กเนื้อ ซึ่งวารสารวิชาการ "โภชนาการบำบัดอเมริกัน" เปิดเผยว่า มันทำให้น้ำหนักลดได้มากกว่า การบริโภคอย่างอื่น แต่จำกัดเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากโปรตีนในสเต๊กจะช่วยรักษามวลของกล้ามเนื้อต่างๆ ระหว่างที่น้ำหนักลดเอาไว้ให้

ไข่ เป็นยอดอาหารอีกอย่างหนึ่ง ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา ของสหรัฐฯ แนะนำให้สวาปามทั้งไข่ขาวและไข่แดง ไข่ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และยังช่วยลดพุงด้วย เคยมีผู้พยายามลดน้ำหนักกินไข่กับขนมปัง และเยลลี่ เป็นอาหารเช้า ลดน้ำหนักได้ มากกว่าผู้ที่กินขนมปังกับอย่างอื่น ที่ให้ปริมาณแคลอรีมากเท่าๆกัน แต่งดไข่ถึง 2 เท่า

ผลแอปเปิ้ล มหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท ศึกษาพบว่า ผู้ที่กัดแอปเปิ้ลกินเคี้ยวกร้วมๆ รองท้องก่อนที่จะกินพาสต้า จะกินอาหารได้น้อยกว่าเพื่อนที่กินอย่างอื่นไปก่อน แอปเปิ้ลแต่ละลูกจะให้กากใยมากระหว่าง 4-5 กรัม จึงทำให้อิ่มทน ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากระบบเผาผลาญ อาหารของร่างกายด้วย ซึ่งทำให้พุงออกได้ง่าย

นอกจากนั้น ยังได้แก่ พริก โยเกิร์ต ถั่วแขกชนิดเม็ดแดงและเหลือง ผลอโวคาโด เนยแข็งอิตาลี และน้ำมันมะกอก.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ตำนานคานทอง (คลายเครียด)

มีตำนานเล่าขานกันสืบมา
มีคานหนึ่งสวยสง่าเปี่ยมราศรี
อันทางขึ้นนั้นเดินง่ายสบายดี
แต่ ' โทษที ' ขาลงยากกกกกก ลำบากลำบน


ต้นกำเนิดเกิดจากสาวนางหนึ่ง
สวยสุดซึ้งสวยกว่าน้องน้ำฝน
เป็นลูกสาวเศรษฐีประจำตำบล
ชราชนหนุ่มน้อยใหญ่ต่างหมายปอง


ท่านเศรษฐีองอาจประกาศว่า
อันลูกข้าหนึ่งนี้ไม่มีสอง
หากแม้นใครอยากได้ไปคุ้มครอง
อย่างน้อยต้องทองล้านชั่ง ? นี่(ราคา)กันเอง


แต่ลูกสาวเศรษฐีมีคนรัก
ยากจนนักจนยิ่งกว่าจะหาไหน
โอ้ชาตินี้มีกรรมหนักขอพักใจ
แค้นบรรลัย ต้องลาไกลไปขุดทอง

หายไปร่วมสามสิบปีมีทองหลาย
ข่าวจากสายสมใจให้คลายหมอง
ว่าน้องนั้นยังดีอยู่ไร้คู่ครอง
อยู่ไม่ได้จำรีบต้องไปจองเธอ


บอกว่าที่พ่อตา ' มาแล้วครับ '
มาพร้อมกับทองตามข้อพ่อเสนอ
อยู่ที่ไหนหวานใจ I WANT TO SEE HER
พ่อบอกเออ!!!อยู่ข้างในเข้าไปเลย


แสนดีใจได้จะพบประสบหน้า
ร้องถามป้า(ที่นั่งอยู่)
ป้าบอกว่าก็ตัวฉันเองนี่ยังไง
จำน้องน้อยไม่ได้น้อยใจนัก


เจ้าหนุ่มจ้องมองดูอยู่ไม่นาน
แสนดีใจประมาณว่าน้ำตาไหลหนัก
หัวใจเต้นระรัว ตัวเริ่มชัก
ดิ้นสักพักแล้วก็จากโลกนี้ไป


ทองที่ขนมามากมายทำไงดี
สาวจึงมีโครงการทำงานใหญ่
สร้างเป็นคานไว้นั่งฟังเพลงไทย
จนหล่อนตายจึงทิ้งไว้เป็น ' ชาติพลี '


คานนี้ขึ้นไปแล้วจะติดใจอยู่ได้นาน
จะเบิกบานเปี่ยมสง่าและราศรี
ไร้ปัญหาไร้บุตรธิดา (และ) ไร้สามี
ของดีๆ อย่างนี้ต้องแนะนำ

แนวทางป้องกันไข้หวัด 2009


ตามที่พวกเราได้ติดตามข่าวกันมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ในสถานการณ์ล่าสุด ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ศูนย์ควบคุม และการป้องกันโรคสหรัฐ และจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ยืนยัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกว่า ล่าสุดอยู่ที่ 7,520 ราย (วันที่ 16 พฤษภาคม 2552) พบผู้ป่วยใน 34 ประเทศ อาทิ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา บราซิล อาร์เจนตินา ปานามา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อิสราเอล นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ เอลซัลวาดอร์ ออสเตรีย ฮ่องกง โคลัมเบีย คอสตาริก้า เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ โปรตุเกส กัวเตมาลา โปแลนด์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา ฟินแลนด์ นอร์เวย์ เบลเยี่ยม คิวบา และในประเทศไทยเอง ก็มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย ตอนนี้ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสครบชุด ปัจจุบันหายเป็นปกติไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อติดตามเฝ้าสังเกตอาการต่อเนื่อง แม้ว่าจะมียารักษาโรคนี้หาย แต่ก็ควรป้องกันไว้ก่อน โดยเราสามารถป้องกันและปฎิบัติตัวดังต่อไปนี้

ประชาชนทั่วไป :

  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
  • หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำ และสบู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังไอ หรือจาม
  • ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
  • รักษาบ้านเรือนให้สะอาด เช็ดเครื่องเรือน และของใช้ในบ้าน ในที่ทำงาน โดยเฉพาะโทรศัพท์เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ด้วยผู้ชุบน้ำสบู่ หรือผงซักฟอกเจือจาง และเช็ดซ้ำด้วยน้ำสะอาด หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล
  • หากไม่มีความจำเป็น ควรชะลอการเดินทางไปยังประเทศที่เป็นพื้นที่เกิดการระบาด จนกว่าสถานการณ์จะยุติลง
  • ถ้าป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เสมหะ ควรปิดปากจมูกเวลาไอ โดยใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษทิชชู และทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิด และสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่กับผู้อื่น และควรพบแพทย์

คำแนะนำผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค

ก่อนการเดินทาง :

  • ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 อย่างใกล้ชิด เพื่อทราบถึงพื้นที่ที่พบการระบาด (ข้อมูลสถานการณ์รายวัน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th)
  • ปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันโรค ตามคำแนะนำของประเทศที่ท่านจะเดินทางไปอย่างเคร่งครัด
  • นำหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ สำหรับทำความสะอาดมือ ยาลดไข้ และยาที่รับประทานเป็นประจำติดตัวไปด้วย
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลในเมืองที่ท่านจะเดินทางไปไว้ล่วงหน้า เผื่อกรณีจำเป็นต้องใช้บริการ
  • ทำประกันสุขภาพสำหรับใช้ในต่างประเทศก่อนออกเดินทาง
  • ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากท่านต้องการรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ควรรับวัคซีนก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้มีภูมิต้านทานโรคสูงพอระหว่างเดินทาง
  • ไม่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปรับประทานยาต้านไวรัสเพื่อป้องกัน หรือนำติดตัวไปรับประทาน เนื่องจากยานี้เป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น นอกจากนี้ยังอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ บางรายอาจพบอาการทางจิตประสาท เห็นภาพหลอนได้
  • หากท่านมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ในพื้นที่ทันที เพื่อพิจารณาการให้ยาต้านไวรัส ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ต่อไป

ระหว่างการเดินทาง :

  • เผื่อเวลาในการเดินทางระหว่างอยู่ที่สนามบินเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆ จะเคร่งครัดในการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งอาจทำให้ล่าช้ากว่ากำหนดได้

ขณะพำนักในต่างประเทศ :

  • ควรติดตามสถานการณ์การระบาดของพื้นที่ หรือประเทศจุดหมายปลายทางการเดินทางอย่างใกล้ชิด
  • ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางการสาธารณสุข ในประเทศที่ท่านเดินทางไปอย่างเคร่งครัด
  • หากท่านไอ หรือจาม ให้ปิดปาก และจมูกด้วยกระดาษทิชชู และทิ้งลงในถังขยะ หากไม่มีกระดาษทิชชู อาจใช้แขนเสื้อ (ไม่ควรใช้มือ) ปิดปาก และจมูก เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำ และสบู่ หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการไอจามทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนำนิ้วเข้าปาก เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
  • พยายามหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ หรือผู้ที่มีอาการไอ
  • ถ้าท่านมีอาการไข้ร่วมกับอาการอื่นๆ ของไข้หวัดใหญ่ เช่น ไอ เจ็บคอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ หรือผู้ป่วยที่มีโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ในระยะ 7 วันที่ผ่านมา ควรรีบไปพบแพทย์

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรค

  • หากท่านมีอาการไข้ ขอให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน หรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เพื่อที่จะได้เตรียมการดูแลท่าน และเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารคนอื่นในสนามบิน และบนเครื่องบิน
  • ประเทศไทยมีการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Thermo Scanner) ที่สนามบินนานาชาติทุกแห่ง หากพบว่าท่านมีไข้ จะมีแพทย์ตรวจ และดูแลท่าน ณ จุดคัดกรอง ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้
  • สำหรับผู้ที่ไม่มีไข้ และไม่มีอาการป่วย ควรหยุดงาน หรือหยุดเรียน พักอยู่ที่บ้าน หรือที่พัก และสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 7 วัน หลังกลับจากต่างประเทศ
  • หากท่านมีไข้ร่วมกับอาการใดอาการหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ไอ เจ็บคอ ร่วมกับ อาเจียน ถ่ายเหลว ให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น รีบสวมหน้ากากอนามัย หรือปิดปาก และจมูก ด้วยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอ และหมั่นล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และไปพบแพทย์พร้อมบัตรเตือนเรื่องสุขภาพ ที่ได้รับจากด่านควบคุมโรคที่สนามบิน เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียดต่อไป
  • หากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ควรหยุดงาน หรือหยุดเรียน พักอยู่ที่บ้าน หรือที่พัก และสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 7 วัน หลังกลับจากต่างประเทศ
  • ควรปิดปากปิดจมูกทุกครั้งด้วยกระดาษทิชชู ทุกครั้งเมื่อท่านไอจาม และทิ้งลงในถังขยะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากไอจาม และล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ หมายเลข 02-590-3333 และที่ 02-5901994 ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออ่านรายละเอียดของโรคนี้ได้ที่ Website กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และ สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ http://beid.ddc.moph.go.th


อิอิอิ....น่ารัก


นางฟ้าจ๋า



อิอิอิชอบๆๆ

คลิกเลยรูปภาพสำหรับคอมเม้นท์hi5 ตกแต่งhi5และโค้ดhi5มากมาย...

ปฏิทิน